top of page
ดาวน์โหลด (2).jpg

อันเดรย์ เชฟเชนโก้

นักเตะสัญชาติ ยูเครน

ประวัตินักเตะ

1994-1999 : แจ้งเกิดกับดินาโมเคียฟ เชฟเชนโก้ ประสบความสำเร็จอย่างมากในการลงเล่นให้กับทีมเยาวชนของดินาโม เคียฟ ในปี 1990 เขาร่วมทีมเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 14 ปีของดินาโม เคียฟ มาลงแข่งขันฟุตบอล "เอียน รัช คัพ" ที่ประเทศเวลส์ และเขาก็ได้ตำแหน่งดาวซัลโวของการแข่งขัน ได้รางวัลเป็นรองเท้าของเอียน รัช นักเตะกองหน้าระดับตำนานของลิเวอร์พูล โดยที่ รัช มามอบรางวัลให้ด้วยตนเอง ในฤดูกาล 1993/1994 เชฟเชนโก้ เป็นดาวซัลโวของทีมชุดบี ของ ดินาโม เคียฟ โดยทำได้ 12 ประตู ทำให้ได้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ในที่สุด และพาทีมดินาโม เคียฟ ภายใต้การคุมทีมของ วาเลรี่ โลบานอฟสกี้ คว้าแชมป์ลีกของยูเครนมาครองได้ ในฤดูกาล 1994/1995 นอกจากนั้นยังทำประตูแรกในการลงเล่นทีมชาติได้ ในเดือนพฤษภาคม ปี 1996 ในนัดที่ยูเครน ลงเตะอุ่นเครื่องกับ ตุรกี ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์ลีกยูเครน ฤดูกาล1995/1996 มาครองได้อีก ลังจากสร้างชื่ออยู่ในบ้านเกิดมานาน เชฟเชนโก้ ก็ถูก เอซี มิลาน ทีมยักษ์ใหญ่ของอิตาลี ซื้อตัวมาร่วมทีม ในปี 1999 ด้วยมูลค่า 26 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 910 ล้านบาท) และก็กลายเป็นผู้เล่นกำลังสำคัญของทีมนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดย เชว่า ลงสนามนัดแรกให้กับ มิลาน ในเกมที่เสมอกับ เลชเช่ 2-2 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ปี 1999 ก่อนจะยิงระเบิดระเบ้อไปถึง 24 ประตู จากการลงสนาม 32 นัด เป็นดาวซัลโวสูงสุดของกัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 1999/2000

เชฟเชนโก้ ทำได้ 34 ประตู จากการลงสนาม 51 นัด ในฤดูกาล 2000/2001 และ 17 ประตู จากการลงสนาม 38 นัด ในฤดูกาล 2001/2002 แต่ มิลาน ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์รายการใดมาครองได้เลย ในช่วง 2 ปีนั้น อย่างไรก็ตาม มิลาน และ เชฟเชนโก้ ก็มาประสบความสำเร็จร่วมกันจนได้ ในฤดูกาล 2002/2003 เมื่อสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และแชมป์อิตาเลียน คัพ มาครองได้ แม้ว่า เชว่า จะทำได้แค่เพียง 5 ประตู จากการลงสนามในลีก 24 นัด แต่เขาก็เป็นผู้ยิงจุดโทษคนสุดท้ายช่วยให้ "ปีศาจแดงดำ" เอาชนะ ยูเวนตุส ในรอบชิงชนะเลิศของแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ หลังจากเสมอกันในช่วงเวลาปกติ และช่วงต่อเวลาพิเศษ และ เชฟเชนโก้ ก็กลายเป็นนักเตะยูเครนคนแรกที่ได้แชมป์รายการนี้ ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2006 เชฟเชนโก้ ย้ายมาร่วมทีม เชลซี ด้วยค่าตัวถึง 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,890 ล้านบาท) เป็นสถิติการซื้อตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร  ทำลายสถิติเดิมของ มิชาเอล เอสเซียง มิดฟิลด์ทีมชาติกานา ที่ย้ายจาก โอลิมปิก ลียง มาร่วมถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในราคา 24 ปอนด์ (ประมาณ 1,512 ล้านบาท) เมื่อปีที่แล้ว โดยเชฟเชนโก้ ได้รับมอบหมายให้สวมเสื้อเบอร์ 7 ของทีม เชฟเชนโก้ ออกสตาร์ตภายใต้สีเสื้อทีม “สิงห์บูลส์” ในเกมคอมมิวนิตี้ชิลด์ ที่ต้นสังกัด แพ้ ลิเวอร์พูล 1-2 ในวันที่ 13 สิงหาคม 2006 ก่อนที่เขาจะมาซัดประตูแรกให้กับตัวเองได้ในเกมเอฟเอ คัพ ที่แพ้ มิดเดิ้ลสโบรช์ 1-2 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2006 ซึ่งถือเป็นประตูที่ 300 ในอาชีพค้าแข้งของเขาอีกด้วย อย่างไรก็ดี เชว่า ก็ทำประตูให้เชลซีได้ไม่เปรี้ยปร้างนักในซีซั่นนี้ โดยเขายิงประตูไปทั้งสิ้น 14 ลูกจาก 51 เกม ซึ่งรวมถึงประตูที่ 57 ในเกมยุโรป ที่ส่งผลให้เขากลายเป็นนักเตะที่ยิงประตูเกมยุโรป มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก แกร์ด มุลเลอร์ ก่อนที่จะถูกฟิลิปโป้ อินซากี้ กองหน้าอดีตเพื่อนร่วมทีม เอซี มิลาน แซงหน้าเขาไปในฤดูกาล 2007-2008

bottom of page