top of page
71Z4sSOmsRS._AC_UF1000,1000_QL80_.jpg
Cristiano_Ronaldo_WC2022_-_01_(cropped).jpg

คริสเตียโน่ โรนัลโด้

นักเตะสโมสรอัล นาเซอร์

ประวัติ

ของนักเตะ

ที่ได้รางวัลบัลลงดอร์มากที่สุด

โรนัลโดเริ่มต้นอาชีพกับสโมสรสปอร์ติงลิสบอน ก่อนจะย้ายไปแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดใน ค.ศ. 2003 และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอคัพ 1 สมัย, ลีกคัพ 2 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 สมัย และฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย รวมทั้งคว้าบาลงดอร์สมัยแรกใน ค.ศ. 2008 ด้วยวัย 23 ปี[11] ก่อนจะย้ายไปเรอัลมาดริดใน ค.ศ. 2009 ด้วยค่าตัว 94 ล้านยูโร ซึ่งเป็นสถิติโลกในขณะนั้น[12] เขาเป็นหนึ่งในสามประสานในแนวรุกร่วมกับการีม แบนเซมา และ แกเร็ท เบล ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ 4 สมัยระหว่าง ค.ศ. 2014–2018 ในช่วงเวลาดังกล่าว โรนัลโดคว้าบาลงดอร์เพิ่มอีก 4 สมัยใน ค.ศ. 2013, 2014, 2016 และ 2017 และคว้าอันดับสองได้อีกสามครั้ง เป็นรองเพียง ลิโอเนล เมสซิ คู่แข่งคนสำคัญในอาชีพ โรนัลโดคว้าถ้วยรางวัลกับเรอัลมาดริด 15 รายการ ได้แก่ แชมป์ลาลิกา 2 สมัย, โกปาเดลเรย์ 2 สมัย, ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา 2 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 4 สมัย, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2 สมัย และ ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 3 สมัย และยังสร้างสถิติในการเป็นผู้ทำประตูมากที่สุดตลอดกาลของสโมสรจำนวน 450 ประตู รวมทั้งเป็นผู้เล่นที่ทำประตูมากที่สุดตลอดกาลในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก[13] เขายังเป็นผู้ทำประตูสูงสุดประจำฤดูกาลในรายการดังกล่าว 6 ฤดูกาลติดต่อกันตั้งแต่ ค.ศ. 2012–2018 โรนัลโดย้ายไปยูเวนตุสใน ค.ศ. 2018 ด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร ถือเป็นนักเตะที่มีค่าตัวสูงที่สุดสำหรับการย้ายทีมของสโมสรในอิตาลี[14] และเป็นนักเตะอายุเกิน 30 ปีที่มีค่าตัวสูงที่สุด เขาคว้าแชมป์เซเรียอา 2 สมัย, ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา 2 สมัย และ โกปปาอีตาเลีย 1 สมัย รวมทั้งรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของเซเรียอา ก่อนจะย้ายกลับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดใน ค.ศ. 2021 และเป็นผู้ทำประตูสูงสุดประจำฤดูกาลของสโมสร

bottom of page